วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2566

Amazing Thai Food Festival ใจกลางโตเกียว โดนใจคนญี่ปุ่นมาก งานนี้ Link Soft power เต็มๆ ทั้ง อาหาร กางเกงช้

Amazing Thai Food Festival ใจกลางโตเกียว โดนใจคนญี่ปุ่นมาก

งานนี้ Link Soft power เต็มๆ ทั้ง อาหาร กางเกงช้าง และการแสดงวัฒนธรรม


         การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่โตเกียว ประกาศศักดา ขับเคลื่อนนโยบาย Thailand Soft Power อาหารไทย ในงาน Thai Food Festival 2023 ระหว่างวันที่ 23-25 มิถุนายน 2566 ณ สวนสาธารณะโยโยหงิ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น



          ททท. สำนักงานโตเกียว ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว สำนักงานพาณิชย์ และสมาคม รวบรวมร้านค้าและร้านอาหารไทย กว่า 20 ร้าน นำเสนอวัฒนธรรมไทยผ่านเมนูอาหารให้ผู้เข้าร่วมงานตลอดทั้ง 3 วัน คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานกว่า 2,500 คน ได้มีประสบการณ์กับอาหารไทย ทั้งเทคนิคการเตรียม ทักษะการปรุงอาหาร ตลอดทั้งการนำเสนอและรสชาติที่มีเอกลักษณ์ กระตุ้นความต้องการเดินทางไปยังประเทศไทยในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง 2566 นี้


           นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ กล่าวว่าการนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวกลุ่ม Soft Power โดย ททท.สำนักงานสาขากว่า 29 สำนักงานทั่วโลกนี้ จะสามารถขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล ตลอดทั้งสามารถสร้างแรงจูงใจให้เกิดการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวนไม่น้อยกว่า 30 ล้านคน



และยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการด้วยการนำเสนอกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ของประเทศไทย ได้ไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ภายในปี 2566 นี้อีกด้วย

#ThailandSoftPower

#AmazingThailand

#ThaiFoodFestival

วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2566

การประกวดร้องเพลงเพื่ออนุรักษ์และสืบสานเพลงไทยลูกกรุง” ชิงถ้วยพระราชทานฯ

“สมาคมนักร้องแห่งประเทศไทย” จัดงานแถลงข่าว “การประกวดร้องเพลงเพื่ออนุรักษ์และสืบสานเพลงไทยลูกกรุง” 

ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี



        ธานินทร์ อินทรเทพ นายกสมาคมนักร้องแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีแถลงข่าวการประกวดร้องเพลงเพื่ออนุรักษ์และสืบสานเพลงไทยลูกกรุง” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีนักร้องชื่อดัง อาทิ นฤพนธ์ ดุริยะพันธ์, วินัย พันธุรักษ์ (ศิลปินแห่งชาติ), อุมาพร บัวพึ่ง, จิตติมา เจือใจ, โฉมฉาย อรุณฉาน, ทิพวัลย์ ปิ่นภิบาล, อุไรวรรณ ทรงงาม, วิระ บำรุงศรีฯลฯ  มาร่วมแถลงข่าวด้วยณ หอประชุมอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ซอยรามคำแหง 43/1 วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน  2566


        สำหรับผู้สนใจสามารถยื่นใบสมัครประกวดร้องเพลงเพื่ออนุรักษ์ แสะสืบสานเพลงไทยลูกกรุงในอดีตอันทรงคุณค่า ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยถ้วยพระรางทานแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. ประเกทอายู 15 ปี ถึง 30 ปี และ 2. ประเภทอายุ 30 ปี ขึ้นไป 




         ผู้ชนะเลิศทั้งสองประเภทจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท และเกียรติบัตร

 รองชนะเลิศ อันดับ 1 ทั้งสองประเกท รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร

 รองชนะเลิศ อินดับ 2 ทั้งสองประเภท รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร

รางวัลชมเชย ประเภทละ 2 รางวัส รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร

โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 เมษายน 2566 - วันที่ 3 กันยายน 2566 รอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้น ณ หอประชุมโหญ่ ทีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ พร้อมชมคอนเสิร์ต "ดาว"



         ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้คือ ต้องไม่เป็นนักร้องอาชีพ และเพลงที่ใช้ประกวดต้องไม่ใช้ทำนองต่างประเทศ

ส่วนกำหนดการประกวดคือ

1. ผู้เข้าประกวดต้องส่งเสียงร้องประกอบดนตรีใส่ Flash Drive พร้อมใบสมัคร (รอบแรกไม่เสียค่าสมัคร)

2. ผู้ผ่านเข้ารอบ กรุณาโอนเงินค่าสมัศร ท่านละ 2,000 บาท เข้าบัญชีลมาคมนักร้องแห่งประเทศไทยฯ ธ.ไทยพาณิชย์ เลขบัญชี 006-280671-9 ซึ่งจะให้ขับร้องคัดเลือกบนเวทีตลาดไอยรา จ.ปทุมธานี โดยนำ Baking Track เพลงที่ส่งเข้าประกวดมาด้วย (ร้องเพลงเดิมที่ส่งประกวด) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2566 เวลา 9.00 -15.00 น. 

3. รอบตัดสิน วันที่ 3 กันยายน 2566 ณ หอประชุมโหญ่ ทีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร

ลงทะเบียนเวลา 10.00 น.



        ผู้สนใจสามารถส่งใบสมัคร ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 กรกฏาคม 2566 โดยสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ Facebook Fanpage: สมาคมนักร้องแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ หรือ Samakomnakrongthai

 

วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จัด “Bangkok Sugar Dinner 2023” กระชับความสัมพันธ์คู่ค้าน้ำตาลจากทั่วโลก พร้อมส่งสัญญาณการพัฒนาสู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทย

ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จัด “Bangkok Sugar Dinner 2023”

กระชับความสัมพันธ์คู่ค้าน้ำตาลจากทั่วโลก 

พร้อมส่งสัญญาณการพัฒนาสู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทย


       บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด หรือ TSMC ในฐานะตัวแทน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย และภาคอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย จัดงาน “Bangkok Sugar Dinner 2023” กระชับความสัมพันธ์กับคู่ค้าในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายจากทั่วโลก พร้อมตอกย้ำศักยภาพของประเทศในฐานะผู้ส่งออกน้ำตาลทรายอันดับ 2 ของโลก และการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้โมเดล BCG สู่การเติบโตบนความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


       นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานฯ พร้อมแสดงปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “Sustainable Growth of Sugar Industry” ในงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ “Bangkok Sugar Dinner 2023” ภายใต้ธีม Sweetness Connections on the Chao Phraya โดยมีผู้บริหารจาก TSMC ได้แก่ นายปราโมทย์ วิทยาสุข ประธานคณะกรรมการฯ นายวิบูลย์ ผาณิตวงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหารฯ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล กรรมการบริหาร พร้อมคุณอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มมิตรผล และมร. Jose Orive กรรมการบริหาร องค์การน้ำตาลระหว่างประเทศ ให้การต้อนรับ ณ โรงแรแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2566


   นายปราโมทย์ วิทยาสุข ประธานคณะกรรมการ ไทยชูการ์ มิลเลอร์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยโดยสมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ได้ร่วมกันจัดงาน Bangkok Sugar Dinner ต่อเนื่องมาแล้ว 4 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อปี 2555 เพื่อเฉลิมฉลองผลผลิตน้ำตาลทราย 10 ล้านตันของไทย พร้อมการประชุม Sugar Conference ซึ่งได้ต้อนรับคู่ค้าในธุรกิจอ้อยและน้ำตาลทรายจากทั่วโลกเข้าร่วมงาน หลังจากนั้น ก็ได้จัดกิจกรรมขึ้นต่อเนื่องทุกๆ 2 ปี โดยในปี 2557 เป็นการฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ที่ไทยสามารถผลิตอ้อยได้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 100 ล้านตัน ต่อมาในปี 2559 งาน Bangkok Sugar Dinner 2016 ได้มีการจัดขึ้นเพื่อฉลองความสำเร็จของการผลิตน้ำตาลเกิน 9.7 ล้านตันของไทย นอกจากนี้ ในงาน “Thai Sugar Dinner 2018” ซึ่งจัดขึ้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรีในปี 2561 เป็นปีที่ไทยสามารถผลิตอ้อยได้ถึง 135 ล้านตัน และผลิตน้ำตาลทรายได้ถึง 14.7 ล้านตัน ถือเป็นปริมาณการผลิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์


       เดิม TSMC มีกำหนดจัดงานเฉลิมฉลองครั้งที่ 5 ในปี 2563 แต่เนื่องจากการระบาดของ โควิด-19 จึงจำเป็นต้องเลื่อนมาปีนี้ โดยงาน Bangkok Sugar Dinner 2023 จัดขึ้นพร้อมกับการประชุม Bangkok Sugar Conference ภายใต้หัวข้อ ‘Innovative Paths, Sustainable Future’ เพื่อเป็นเวทีพบปะหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อรับมือกับความท้าทายภายใต้บริบทใหม่ของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายโลก  ทั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในวงการอ้อยและน้ำตาลทรายจากไทยและนานาชาติร่วมแสดงทรรศนะในการร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายโลกสู่อนาคตร่วมกัน ในขณะที่งานกาลาดินเนอร์ จัดขึ้นในธีม ‘Sweetness Connections on the Chao Phraya’ เพื่อสะท้อนความสัมพันธ์และมิตรไมตรีอันดีระหว่างคู่ค้าและผู้อยู่ในอุตสาหกรรมทั้งในไทยและประเทศคู่ค้าจากทั่วโลก


     อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทยมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการสร้างรายได้รวมต่อปีกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออกแล้ว ยังมีส่วนสำคัญสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทยมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตแบบทวีคูณของอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมชีวภาพ ภาคส่วนเหล่านี้ทำรายได้ให้ประเทศนับล้านล้านบาทต่อปี โดยในปีเพาะปลูก 2560/2561 ผลผลิตน้ำตาลไทยสูงถึง 14.7 ล้านเมตริกตัน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ โดยนับเป็นผลผลิตอ้อยทั้งหมด 135 ล้านตันอ้อย อย่างไรก็ตามในปีการเพาะปลูก 2565/2566 ผลผลิตอ้อยลดลงเหลือ 94 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลได้เพียง 11 ล้านตัน


     หลายปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทยต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้านนอกจากผลกระทบด้านต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การสูญเสียพื้นที่เพาะปลูกให้กับพืชชนิดอื่นและการพัฒนาด้านอื่นๆ รวมถึงปัญหาขาดแคลนแรงงาน และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว นายปราโมทย์เสริมว่า ปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นวาระสำคัญระดับประเทศ ที่ไทยให้ความสำคัญและมีการผลักดันนโยบาย ระดับประเทศ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทยได้ปรับใช้แนวทางการเก็บเกี่ยวสีเขียว โดยมุ่งขจัดการเผาอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยวภายในปีการเพาะปลูก 2566-2567 ทั้งนี้ โรงงานน้ำตาลทั้ง 57 แห่งภายใต้เครือข่ายของไทยชูการ์ มิลเลอร์ ซึ่งมีขนาดใหญ่และมีกำลังการผลิตเฉลี่ย 20,000 เมตริกตันต่อวัน ยังเน้นการใช้เทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำเพาะปลูก ปรับปรุงคุณภาพและกำลังการผลิต เพื่อให้สามารถส่งมอบ ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพแก่ผู้บริโภคทั่วโลก


     นายปราโมทย์ วิทยาสุข ประธานคณะกรรมการ TSMC กล่าวทิ้งท้ายว่า “ความยั่งยืนถือเป็นแกนหลักของยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทย สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมผ่านโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green Economy Model หรือ BCG ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2564-2569 อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของ BCG ที่มีการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืนของ องค์การสหประชาชาติ และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ต้นแบบ BCG จึงมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดย TSMC เชื่อมั่นว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะช่วยพัฒนาและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจจากทั่วโลก เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวได้” 



                                                                                                                                  


วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2566

กระทรวงพาณิชย์ ประกาศผลผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 100 ลำดับแรกของประเทศ จากโครงการ From Gen Z to be CEO ประจำปี 2566

กระทรวงพาณิชย์ ประกาศผลผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 100 ลำดับแรกของประเทศ 

จากโครงการ From Gen Z to be CEO ประจำปี 2566

             นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “ต้องขอแสดงความยินดีกับคนเก่ง TOP 100 ที่สามารถทำคะแนนสูงสุด 100 อันดับแรกจากผู้เข้าร่วมโครงการทั้งประเทศกว่า 23,700 ราย ด้วยนะคะทราบมาว่าปีนี้ข้อสอบของเราไม่ง่ายเลย ดังนั้น น้องๆ ที่ผ่านด่านเข้ามาได้ต้องเก่งมากๆ วันนี้น้องได้พิสูจน์แล้วว่าหากมีความตั้งใจและความพยายาม ทุกคนสามารถทำได้ และเราภูมิใจในตัวน้องๆ มากค่ะ” 

            กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (สถาบัน NEA)  ได้ดำเนินโครงการ From Gen Z to be CEO ประจำปี 2566 จัดอบรมให้ความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และพัฒนาศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เพื่อสร้างให้เป็นแม่ทัพทางการค้าของประเทศในอนาคต โดยดำเนินโครงการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม – มิถุนายน 2566 และได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทั้งรายเดิมที่สนับสนุนโครงการมาตั้งแต่ปีแรก ประกอบด้วย Huawei  Bitkub EXIM Bank P&G และพันธมิตรน้องใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพในปีนี้ SPVi SVOA BOL และDHL เพื่อน้องๆ TOP 100 จะได้มีโอกาสเลือกสถานที่ฝึกงานเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถเลือกไปฝึกงานในต่างประเทศกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ ณ ภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย

             สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ทำแบบทดสอบของโครงการได้คะแนนสูงสุด “100 ลำดับแรก” และผู้ที่ได้ “500 ลำดับแรก” มีดังนี้

ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 100 ลำดับแรก (TOP 100)

- ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมเตรียมความพร้อมในการสมัครงาน จัดโดย P&G

- ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีสรุปผลโครงการ พร้อมรับประกาศนียบัตรจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในวันอังคารที่ 19 กันยายน 2566 ณ อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค (West) สุขุมวิท 101

- ได้รับสิทธิ์ในการพิจารณาเข้าร่วมฝึกงานกับหน่วยงานพันธมิตรของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้แก่ True,  Huawei Bitkub EXIM Bank P&G SPVi DHL SVOA BOL รวมถึงสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานในต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ ณ ภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก 

นอกจากนี้ ผู้ที่สามารถทำคะแนนสอบได้สูงที่สุดจากผู้เข้าอบรมทั่วประเทศกว่า 23,700 ราย จะได้รับเลือกให้เป็น “Gen Z Ambassadors” ซึ่งนอกจากสิทธิประโยชน์ที่กล่าวไปแล้วยังได้รับรางวัลสุดพิเศษจากพันธมิตรอีกด้วย

          ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 500 ลำดับแรก (TOP 500)

- ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมอบรมหลักสูตรต่อยอดองค์ความรู้ที่จัดโดยสถาบัน NEA กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพเชิงลึกด้านการค้าระหว่างประเทศ

- ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมอบรมหลักสูตร กลยุทธ์การนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดสำหรับสตาร์ทอัพ “Go-to-Market Strategies for Startup” จัดโดย True LAB

สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 100 ลำดับแรก (TOP 100) ได้แล้ววันนี้ใน Facebook Page : สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือคลิกลิงก์: https://www.facebook.com/nea.ditp/

วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2566

THG โชว์ศักยภาพในงานประชุมวิชาการ SICMPH 2023 ใช้ AI แก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์

THG โชว์ศักยภาพในงานประชุมวิชาการ SICMPH 2023

 ใช้ AI แก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์     

       บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เข้าร่วมประชุมและจัดแสดงนวัตกรรมทางการแพทย์ ในงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านการแพทย์และการสาธารณสุข พ.ศ.2566 หรือ Siriraj International Conference In Medicine And Public Health 2023 (SICMPH 2023) ซึ่งจัดขึ้นโดย   คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระหว่างวันที่ 19-23 มิถุนายน 2566 ณ อาคารศรีสวรินทิรา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้แนวคิด “3 Ins : Information Innovation Integration”


        ซึ่ง THG ในฐานะผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรและบริการที่มีคุณภาพ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้แนวคิด “ดูแลคุณในทุกช่วงชีวิต” (Lifetime Health Guardian For All) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดงานนี้ เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าทางวิชาการด้านการแพทย์และการสาธารณสุข  อันจะก่อให้เกิดการสรรสร้างนวัตกรรมเพื่อประโยชน์สูงสุดในการดูแลผู้ป่วยในอนาคต

      โอกาสนี้ THG ยังได้จัดเสวนาในหัวข้อ “AI Disruption in Healthcare Industry” โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ฐิติพงศ์ นันทาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จำกัด, ดร.ธนัย ชรินทร์สาร Podcaster รายการ Strategy Clinic ของ The Standard และคุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ CEO และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้

          ดร.ฐิติพงศ์ นันทาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จำกัด กล่าวถึง ความสำคัญของ AI กับการพัฒนาวงการแพทย์และวงการเฮลท์แคร์ และ THG ได้นำ AI มาใช้ ในการสรรสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์อย่างไรบ้าง (รวมถึงนวัตกรรม Telehealth ด้วย) ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุ อาทิ จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ภาระงานและชั่วโมงการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์มากเกินไป ดังนั้น AI จึงเข้ามามีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้


         นพ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG กล่าวถึง ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ในปัจจุบัน และการใช้ AI ในการแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์


ทั้งนี้ THG มีเป้าหมายสำคัญ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์ เป็นศูนย์รวมแพทย์ชั้นนำที่มีการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์อยู่เสมอ เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ เพื่อผู้ป่วยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาได้ทันท่วงที ในราคาที่เหมาะสมและเข้าถึงได้








 

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...