วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ททท. และจังหวัดแพร่ ร่วมผลักดัน Soft Power ผ้าไทย กับกิจกรรม “Soft Power ปลุกกระแสผ้าไทยให้ปัง“

ททท. และจังหวัดแพร่ ร่วมผลักดัน Soft Power ผ้าไทย 

กับกิจกรรม "Soft Power ปลุกกระแสผ้าไทยให้ปัง"



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยคุณภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และจังหวัดแพร่ ร่วมผลักดัน Soft Power ผ้าไทย กับกิจกรรม “Soft Power ปลุกกระแสผ้าไทยให้ปัง“ กับงาน Fashion Show ผ้าไทยสุดงดงาม โดยได้รับเกียรติจากนายแบบและนางแบบกิตติมศักดิ์ คุณอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ และคุณนันทสิริ อัสสกุล ทายาทรุ่นที่สามของราชสกุลกฤดากร เจ้าของแบรนด์โขมพัสตร์ เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ผ่านวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยทั้ง 5F ณ คุ้มวงศ์บุรี จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566



โดยทางททท. และจังหวัดแพร่ ได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรม “Soft Power ปลุกกระแสผ้าไทยให้ปัง“ ณ คุ้มวงศ์บุรี จังหวัดแพร่ ตั้งแต่วันที่ 26 – 30 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในการสร้างกระแสการแต่งกายด้วยผ้าไทย สำหรับนักท่องเที่ยวที่แต่งกายด้วยผ้าไทยไปร่วมงานจะได้รับของที่ระลึกเป็นกางเกงช้างยอดฮิต รุ่น Limited Edition จากทางโครงการฯ ไปได้เลย นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรม Thai Fabric Mirror ตู้ถ่ายภาพอัจฉริยะ Virtual Fitting ที่ทุกท่านสามารถสวมใส่ผ้าไทยเสมือนจริงได้ , กิจกรรม Workshop ทำกระดุมแสนสวยตามแบบฉบับเมืองแพร่ หรือการเลือกซื้อผ้าไทย หรือสินค้าอื่นๆ จากร้านค้าต่างๆ



นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงข้ามภูมิภาค The Link Local To Global เส้นทาง คราฟท์ & คราม เพื่อนำเสนอผ้าที่รังสรรค์ลวดลายจากโขมพัสตร์ สะท้อนเอกลักษณ์เมืองหัวหิน บนผืนผ้าหม้อห้อม ที่ถักทอด้วยซิ่นตีนจกโบราณภูมิปัญญาพื้นบ้านเมืองแพร่มาร่วมแสดงในงานนี้อีกด้วย




และทาง ททท. ยังได้จัดกิจกรรมออนไลน์ “ใส่ผ้าไทยไปเที่ยว” โดยเชิญชวนทุกคนให้ใส่ผ้าไทยออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ และถ่ายวิดีโอโพสต์ลงบน TikTok ของตนเอง พร้อมติดแฮชแท็ก #ใส่ผ้าไทยไปเที่ยว เพียงเท่านี้ก็สามารถรับโค้ดส่วนลดมูลค่า 100 บาท สำหรับการสั่งซื้อสินค้าผ้าไทยบน Lazada ไปได้เลยทันที และยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลต่อที่ 2 อาทิ บัตรที่พัก และกางเกงช้างยอดฮิต รุ่น Limited Edition จากททท. อีกด้วย สามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 14 สิงหาคม 2566 นี้เท่านั้น หรือสำหรับใครที่อยากซื้อผ้าไทยสวย ๆ มาใส่ ททท. จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย Joint Promition กับร้านผ้าไทยในจังหวัดแพร่ โดยผู้ที่สนใจสามารถกดรับสิทธิพิเศษส่วนลด หรือกดรับสินค้าผ้าไทยฟรี จากร้านผ้าไทยในจังหวัดแพร่กันได้ที่เว็บไซต์ www.tourismthailand.org/thailandsoftpower

#ThailandSoftPower

#ใส่ผ้าไทยไปเที่ยว

วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ททท. เฟ้นหา10 ทีม ตัวแทนนักท่องเที่ยวต้นแบบ หวังปลุกกระแสคนรุ่นใหม่ ดึง พีพี กฤษฏ์ ร่วมงาน แชร์ไอเดียการเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี

ททท. เฟ้นหา10 ทีม ตัวแทนนักท่องเที่ยวต้นแบบ หวังปลุกกระแสคนรุ่นใหม่ 

ดึง พีพี กฤษฏ์ ร่วมงาน แชร์ไอเดียการเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี

         ททท. จัดงานประกาศรางวัลนักท่องเที่ยวที่ดีต้นแบบ 10 ทีม ที่สยามสเคป สยามสแควร์ กรุงเทพฯ โดยมีนางสาวยุพา ปานรอด ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว ททท. เป็นประธานในพิธีและมีดารานักแสดงชื่อดัง พีพี กฤษฏ์ เข้าร่วมงาน แชร์ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว และไอเดียการเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีต้นแบบ เชิญชวนนักเดินทางรุ่นใหม่ร่วมกันทำให้ประสบการณ์ท่องเที่ยวเป็นมากกว่าการไปเยือนแค่สถานที่ใดที่หนึ่ง แต่เป็นการสร้างสิ่งดี ๆ และความรู้สึกดี ๆ ให้กับผู้คน สังคม สิ่งแวดล้อม

          การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดโครงการสร้างกระแสการเดินทางและส่งเสริมการเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ภายใต้แนวคิด Happy Model เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ผ่านการทำกิจกรรมประกวดนักท่องเที่ยวที่ดีต้นแบบ (Tourist Model Ambassador) เพื่อเฟ้นหาไอเดียคุณสมบัติการเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีที่สามารถเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น และนอกจากคุณสมบัติที่ดีที่โดนใจแล้ว ผู้เข้าประกวดจะต้องครีเอทเส้นทางท่องเที่ยวอย่างมีกลยุทธ์ และต้องทำคอนเทนต์เผยแพร่เรื่องราวเส้นทางท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าและมีความหมาย (Meaningful) เพื่อส่งต่อความประทับใจให้กับผู้อื่น

          ที่ผ่านมามีผู้เข้าประกวดกว่า 300 ทีมภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ โดยทั้ง 300 ทีมต้องผ่านกระบวนการคัดกรองจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายความเชี่ยวชาญ โดยมี คุณโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มด้านการตลาดและนวัตกรรม Dentsu Thailand, คุณดวงขวัญ สินสัตยกุล ผู้จัดการประจำตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน Airbnb, คุณปณิชา ธนณาเคนทร์ ผู้จัดการประจำภูมิภาคประเทศไทย ทราเวลโลก้า (Traveloka), คุณอคิร วงษ์เซ็ง (ว่านไฉ) เจ้าของเพจ อาสา พาไปหลง ที่มีผู้ติดตาม 2.1 ล้านคน และคุณวรรณภา เกียรติพงษา ผู้อำนวยการกองสร้างสรรค์สินค้าการท่องเที่ยว ททท. ที่ร่วมกันคัดกรองจนเหลือเพียง 10 ทีมตัวแทนนักท่องเที่ยวต้นแบบ หรือ Tourist Model Ambassador ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยทั้ง 10 ทีม จะได้รับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1,000,000 บาท อีกทั้งจะได้รับการโปรโมตในฐานะเจ้าของไอเดียนักท่องเที่ยวที่ดีต้นแบบบน Digital Billboard ใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้นักเดินทางคนอื่น ๆ ต่อไป โดย 10 ทีมที่ผ่านเข้ารอบ ได้แก่ 1 เส้นทาง จ.ราชบุรี, ทีม Jigabphoto 2 เส้นทาง จ.กระบี่, ทีม ArmyPalakorn 3 เส้นทาง จ.อุทัยธานี, ทีมจระเข้น้อยเล็กกุล 4 เส้นทาง จ.ตรัง, ทีม รีวิวตรัง 5 เส้นทาง จ.ตาก, ทีม The next journey 6 เส้นทาง จ.พัทลุง, ทีมคนเบลอละเมอเที่ยว 7 เส้นทาง จ.ระยอง, ทีมถูกที่ ถูกทาง 8 เส้นทาง จ.อยุธยา, ทีม วัยเก๋า Outing 9 เส้นทาง จ.พิษณุโลก, ทีม นิศรา 10 เส้นทาง จ.ชลบุรี, ทีม King’s journey

สามารถเข้าไปดูเส้นทางท่องเที่ยว 10 เส้นทาง และไอเดียการเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีต้นแบบได้ที่ https://นักท่องเที่ยวที่ดี.com/20-ทีม-นักท่องเที่ยวที่ดี


วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

“เวรี่เกรท” ร่วมกับ “มันดีเวิร์ค” จัดรอบกาล่าพรีเมียร์ ฉายภาพยนตร์วาย แนวพีเรียดโรแมนติก สยองขวัญ “ดับแสงรวี-After Sundown” “ซี – นุนิว” กระแสความปังเกินต้าน

“เวรี่เกรท” ร่วมกับ “มันดีเวิร์ค” จัดรอบกาล่าพรีเมียร์ ฉายภาพยนตร์วาย 

แนวพีเรียดโรแมนติก สยองขวัญ “ดับแสงรวี-After Sundown” 

“ซี – นุนิว” กระแสความปังเกินต้าน

             เปิดตัวสุดคึกคักสมกับกระแสความแรงของภาพยนตร์ ที่ดังเปรี้ยงขึ้นแท่นสู่อันดับ 1 ติดเทรนด์ทวิตเตอร์โลกชั่วพริบตา เพียงแค่ปล่อย #เพลงแสงรวี Ost. ภาพยนตร์“ดับแสงรวี” หรือแม้กระทั่งเพียงปล่อย #ตัวอย่างดับแสงรวี  Official Trailer เท่านั้น จากนวนิยายที่มีผู้อ่านมากกว่าหนึ่งล้านเล่ม ถ่ายทอดเรื่องราวอันเข้มข้นสู่ภาพยนตร์ได้ครบรส ดันให้ #ดับแสงรวีTheMovie หนังวายแนว โรแมนติค สยองขวัญ แรงจนฉุดไม่อยู่ ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์จนส่งให้กระแสติดเทรนด์ทวิตเตอร์โลกตั้งแต่ยังไม่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง บริษัท เวรี่เกรท จำกัด ร่วมกับ บริษัท มันดีเวิร์ค จำกัด 2 บริษัทผู้สร้าง-ผลิตและส่งคอนเทนท์สู่ผู้บริโภคผ่านทุกแพลตฟอร์มครอบคลุมทุกมิติทั้งออนไลน์ทีวีดิจิทัลและภาพยนตร์ และ ธุรกิจการให้บริการทางด้านการโฆษณาอย่างเต็มรูปแบบ

          “เวรี่เกรท” ร่วมกับ “มันดีเวิร์ค” ร่วมกันจัดงานเปิดตัวภาพยนตร์วาย โรแมนติค สยองขวัญ จากฝีมือผู้กำกับ อ๊อด-บัณทิต ทองดี ที่ได้นักแสดงนำคู่จิ้นสุดฮอต อย่าง “นุนิว-ชวรินทร์" "ซี-พฤกษ์” จึงส่งให้กระแสหนังติดเทรนด์ทวิตเตอร์โลกอย่างง่ายดายด้วยนั่นเอง ณ ลานสยามพารากอน ฮอลล์ โรงภาพยนตร์พารากอน  พร้อมชมภาพยนตร์รอบกาล่า พรีเมียร์

           สำหรับไฮไลท์ของงาน มีโชว์การแสดงพิเศษจากนักแสดงของภาพยนตร์ “ดับแสงรวี-After Sundown” ที่ต่างตั้งใจซุ่มซ้อมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ทำเอาบรรดาเซเลบริตี้ แขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน รวมถึง ด้อมซนซน ซันไชน์ นานานุ ได้เพลิดเพลินสร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก นอกจากจะเรียกเสียงกรี๊ดลั่นสนั่นฮอลล์กันแล้ว แขกทุกคนที่ได้ชม “ดับแสงรวี-After Sundown” ในโรงภาพยนตร์สยามภาวลัย พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ต่างนั่งลุ้นระทึกในโรงหนังกันเป็นทิ่วแถว เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มีครบทุกรสชาติ มีฉากดราม่า ให้ลุ้นระทึกกับความน่ากลัว ทำเอาสะพรึงเพราะความสยองขวัญแทบหยุดหายใจ ฉากหว๊านหวานฟินไม่ไหวกับความรักของคู่เอกอย่าง “ซี-นุนิว” ที่ทะลุออกมานอกจอ แถมยังได้ฟังเพลงเพราะๆ ซึ่งได้ “แอ้ม-อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์” โปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงมือดี แต่งขึ้นมาเพื่อประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ ได้แก่  เพลงแสงรวี ร้องโดย ซี-นุนิว และเพลงดวงจันทร์ ร้องโดย กัน-ณภัทร แถมยังเป็นภาพยนตร์ที่มีองค์ประกอบของภาพ แสงสี สวยงาม และอื่นๆ ที่น่าประทับใจอีกมากมาย

      คุณธิดารัตน์ แลเพ็ชร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เวรี่เกรท จำกัด กล่าวว่า “เวรี่เกรท ตั้งใจผลิตหนังวายเรื่องนี้ขึ้นมาให้มีครบทุกรส  มีทั้งความสยองชวนขนลุก ความฟินกระจาย ดูแล้วสนุก จัดเต็มทุกองค์ประกอบ และอื่นๆ อีกมาก เพื่อให้หนังออกมามีคุณภาพที่สุด แน่นอนนอกจากจะตอบโจทย์กลุ่มคนชอบหนังวาย เพราะปัจจุบันนี้สังคมไทยเปิดกว้างมากแล้ว เรายังสร้างหนังขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบการดูหนัง ทั้งแฟนหนังในไทยและต่างประเทศ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของเวรี่เกรทที่ได้ผลิตหนังวายจนกลายเป็นกระแสที่ดีขนาดนี้ นอกจากจะฉายในไทย หนังเรื่องนี้กำลังเข้าโรงฉายที่ประเทศลาว พร้อมกันในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 นี้ และยังมีรอจ่อคิวเข้าฉาย  ทำเงินอีกหลายประเทศด้วยค่ะ หนังกระแสดีขนาดนี้ ต้องขอบคุณที่ได้พาร์ทเนอร์ที่ดี อย่างมันดีเวิร์ค ร่วมถึงผู้สนับสนุน ทุกท่าน ผู้กำกับ นักแสดง ทีมงานที่ดี รวมถึง ด้อมซนซน ซันไชน์ นานานุ ที่ส่งให้หนังเรื่องดับแสงรวีเกิดกระแสที่ดีติดเทรนด์อันดับ 1 ทวิตเตอร์โลกหลายต่อหลายครั้ง อยากเชิญชวนให้คนรักหนังทุกกลุ่มมาเปิดใจ มาดูหนังฝีมือคนไทย ขอฝากหนังเรื่องดับแสงรวีด้วยนะคะ”

        คุณอ๊อฟชั่น-กิตติพัฒน์ จำปา ประธานบริหาร บริษัท มันดีเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า “ผมชอบการพัฒนาให้เท่าทันเทรนด์ทุกกระแสความเคลื่อนไหว ทั้ง "มันดีเวิร์ค" "ดูมันดิ" และ“ดีเอ็มดี มิวสิก” ผมตั้งใจและใส่ใจ ผลิตผลงานทุกอย่าง ในทุกๆ ด้านอย่างมีคุณภาพเพื่อให้สมกับที่   แฟนคลับทั้งในไทยและต่างประเทศ มอบความไว้วางใจและติดตามผลงานในค่ายเรามาโดยตลอด ในส่วนภาพยนตร์ดับแสงรวีก็เช่นกัน เราได้   พาร์เนอร์ที่ดีอย่างเวรี่เกรท ซึ่งต่างฝ่ายต่างแข็งแรงซับพอร์ทซึ่งกันและกัน ทำให้หนังออกมามีกระแสแรงที่ดีและได้ไปฉายยังต่างประเทศหลายประเทศอีกด้วย  ในส่วนของศิลปินในค่าย เราให้โอกาสศิลปินทุกคนได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองอยู่เสมอ เมื่อเขามีศักยภาพเราก็ยื่นโอกาสให้อย่าง “ซี-นุนิว” มีความสามารถหลายด้าน รวมถึงการร้องเพลงด้วย ซึ่งทั้งคู่ก็ตั้งใจทำงานทุกอย่างออกมาได้ดี แฟนคลับทุกคนคงได้ฟังผลงานของทั้งคู่กันไปแล้ว กับเพลง “แสงรวี (Destiny)” ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้พวกเรานะครับ”

         คุณอ๊อด-บัณทิต ทองดี ผู้กำกับภาพยนตร์ “ดับแสงรวี-After Sundown” กล่าวว่า ปัจจุบันนี้โลกเปิดกว้างมากๆ แล้ว ผมในฐานะ       ผู้กำกับก็เปิดกว้างที่จะพัฒนาฝีมือตัวเองอยู่ตลอด ต้องยอมรับว่ากลุ่มคนดูหนังเปิดกว้างมากขึ้น เราก็ต้องเปิดกว้างในการกำกับภาพยนตร์ให้ออกมามีคุณภาพด้วยเช่นกัน ขอฝากผลงานการกำกับอีกหนึ่งเรื่อง กับหนังดับแสงรวีด้วยนะครับ”

       ซี-พฤกษ์ พานิช เผยความรู้สึกว่า “ตื่นเต้นและดีใจ ที่ทุกคนชอบเพลงแสงรวี เราทั้งคู่ตั้งใจมาก หายเหนื่อย เมื่อได้รู้ว่าตอนนี้เพลง    แสงรวี ติดอันดับ Twitter Trends ทั้งอันดับ 1 Worldwide Trends, Thailand Trends, Malaysia Trends, Singapore Trends และขึ้น      เทรนด์ทวิตเตอร์ในอีกหลายประเทศ รวมถึงขึ้นอันดับ 1 iTunes Chart Thailand แล้ว ขอฝากหนังและเพลงดับแสงรวีด้วยครับ”

       นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์  เผยความรู้สึกว่า “ดีใจและตื่นเต้นเหมือนกัน ที่จะได้ดูหนังดับแสงรวีแล้ว เป็นครั้งแรกที่ได้เล่นหนังและดีใจที่ได้เล่นหนังคู่กับพี่ซีเป็นเรื่องแรกด้วยครับ ขอบคุณแฟนคลับทั้งในไทยและต่างประเทศที่ส่งกำลังใจมาให้เราทั้งคู่นะครับ เราทั้งคู่ขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่มอบโอกาสดีๆ ให้กับเราทั้งคู่ ขอฝากหนังและเพลงดับแสงรวีด้วยครับ ”

         ส่วนบรรยากาศภายในงาน มีทัพนักแสดงจากซีรีส์วาย  ภายใต้ผลงานการผลิตของบริษัท เวรี่เกรท จำกัด และ บริษัท มันดีเวิร์ค จำกัด รวมถึง เซเลบริตี้  คนดัง ร่วมเดินพรมแดงด้วย ไม่ว่าจะเป็น สุริยน ศรีอรทัยกุล, ธนัตถ์ศรัณย์ ซำทองไหล, หล่งซื่อ ลี หนุ่มลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์,  เน็ต สิรภพ มานิธิคุณ, เจมส์ ศุภมงคล วงศ์วิสุทธิ์, แม้ก กรธัสส์ รุจีรัตนาวรพันธุ์, ณฐ ณฐสิชณ์ เอื้อเอกสิชฌ์ และนักแสดงอื่นๆ อีกมากมาย ยังมีผู้สนับสนุนที่มาร่วมงาน ได้แก่ ประพาฬรัตน์  ชัยชูพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนารายการ และปฏิบัติการธุรกิจ ช่อง ONE31, วิชัย กุลธวัชชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน),  สุพรรณิการ์ เจียจันทร์พงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และจัดจำหน่าย บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด ตบท้าย โดยมี ธิดารัตน์ แลเพ็ชร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เวรี่เกรท จำกัด, อ๊อฟชั่น-กิตติพัฒน์ จำปา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มันดีเวิร์ค จำกัด, และผู้กำกับภาพยนตร์กับทีมนักแสดงอย่าง อ๊อด-บัณทิต ทองดี, ซี-พฤกษ์ พานิช, นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์ และทีมนักแสดงจากภาพยนตร์“ดับแสงรวี-After Sundown” อย่าง ทับทิม-อัญรินทร์ ธีรานันพัฒน์, กัน-นภัทร อินทร์ใจเอื้อ, ริท-เรืองฤทธิ์  ศิริพานิช, อาวอ-จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์-ภัทร, น้ำมนต์-กฤตนัย อาสาฬห์ประกิต, น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง, เต๋า-อดิศร อรรถกฤษณ์, มิเนย์ กฤศณัฐฐิกา จูไต๋ และ ซินแส เป็นหนึ่ง เดินปิดท้ายพรมแดงอย่างสง่างามอีกด้วย

       ขอเชิญชวน เหล่าด้อมซนซน ซันไชน์ นานานุ ที่พลาดจองบัตรไม่ทันกับงาน Exclusive Screening Party ณ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย รอยัลแกรนด์ เธียเตอร์ รวมถึงอยากให้กลุ่มแฟนคลับคอหนังกลุ่มต่างๆ เช่น แฟนคลับคอหนังผี หรือกลุ่มอื่นๆ มาเปิดใจดูหนังวายคุณภาพเยี่ยมที่ฮอตฮิตติดเทรนด์ทวิตเตอร์โลกอย่างรวดเร็ว อย่าง “ดับแสงรวี-After Sundown” ที่สำคัญเป็นหนังวายไทยที่ได้จ่อคิวเข้าฉายยังโรงภาพยนตร์ในต่างประเทศอีกหลายประเทศ สำหรับประเทศไทย เตรียมเข้าฉายแล้วทั่วประเทศวันที่ 20 ก.ค. 2566 นี้ เฉพาะที่ โรงภาพยนตร์ในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เท่านั้น 

#ซีนุนิว #ZeeNuNew  #ดับแสงรวี #ดับแสงรวีAfterSundown #ดับแสงรวีTheMove #เพลงแสงรวี #เพลงดวงจันทร์ 



วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ สวพส. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการในหลักสูตรการประยุกต์ใช้โครงการหลวงโมเดล ในการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนภายใต้สถานการณ์วูก้าเวิลด์

มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ สวพส. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการในหลักสูตรการประยุกต์ใช้โครงการหลวงโมเดล

ในการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนภายใต้สถานการณ์วูก้าเวิลด์

“The Application of the Royal Project Sustainable Highland Development Model in an Unsettled and Unpredictable VUCA World”



            พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ การประยุกต์ใช้โครงการหลวงโมเดลในการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนภายใต้สถานการณ์วูก้าเวิลด์ ณ ห้องประชุม ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ อ.เมือง จ.เชียงใหม่



           การอบรมเชิงปฏิบัติการนี้ เป็นความร่วมมือของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. พร้อมด้วยกระทรวงการต่างประเทศ กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA) ซึ่งมุ่งกลุ่มเรียนรู้จากนานาชาติ  โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-23 กรกฎาคม 2566 ในรูปแบบการบรรยาย อภิปราย และการศึกษาดูงานในพื้นที่ปฏิบัติงานของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์พัฒนาโครงการแม่แฮ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ และโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยเป้า อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่



           ศ.เกียรติคุณ ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ กรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวงและประธานคณะทำงานวิจัยมูลนิธิโครงการหลวง กล่าวว่า จุดประสงค์การจัดหลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการระดับนานาชาติ  เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้โครงการหลวงระหว่างผู้เข้าร่วมประชุมระดับนานาชาติในการนำไปประยุกต์ใช้ โดยกิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการนี้ เป็น 1 ใน 5 หลักสูตร ที่โครงการหลวงจัดทำขึ้นเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ที่สั่งสมมา พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ทั้งจากนักวิจัย นักส่งเสริมในสาขาต่างๆ ของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ร่วมกับผู้เข้าร่วมอบรมจากประเทศไทย ภูฏาน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา มาเลเซีย ศรีลังกา และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล



            นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) กล่าวว่า การจัดหลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการระดับนานาชาติครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาพื้นที่สูงโดยถ่ายทอดตัวอย่างความสำเร็จทั้งจากเกษตรกรในพื้นที่ ผู้นำชุมชน นักวิจัย นักพัฒนาชุมชน ที่ดำเนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเราเรียกว่า โครงการหลวงโมเดล และทางองค์การสหประชาชาติได้นำแนวทางของโครงการหลวงโมเดล เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปใช้กับการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของพื้นที่ต่าง ๆ ในแนวทางการสืบสาน รักษา และต่อยอด ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้การดำเนินงานมีความต่อเนื่อง จนสามารถพัฒนาพื้นที่ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน ทำให้ประชาชนบนพื้นที่สูงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามลำดับ การอบรมเชิงปฏิบัติการนี้ ยังมุ่งหวังให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อเป็นรูปแบบการปฏิบัติงานที่ดี (Best Practice) รองรับการเปลี่ยนแปลงและความคลุมเครือ จากสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาที่ทุกคนจะต้องร่วมกันระดมความคิด เพื่อเตรียมพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกวูก้า ( VUCA) เพื่อสร้างสรรค์รูปแบบและบทเรียนในการพัฒนาพื้นที่สูงตามแบบโครงการหลวง (Royal Project Model) สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs)ต่อไป โดยการอบรมมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจากนานาชาติ อาทิ Bhutan, Lao PDR, Malaysia, Myanmar, Nepal, Sri Lanka, และกรณีศึกษาของ UNODC Myanmar



       รวมทั้ง การจัดหลักสูตรอบรมในครั้งนี้ มีตัวแทนจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮ อำเภอ แม่วาง จ.เชียงใหม่, ตัวแทนจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก, เกษตรกรผู้นำศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยโป่ง ตัวแทนศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึก ตัวแทนศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง ตัวแทนจากสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ตัวแทนศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยน้ำขุ่น มาเล่าประสบการณ์ของการพลิกฟื้นพื้นที่สูงจากระบบเกษตรเดิมที่ทำลายสิ่งแวดล้อม มาสู่ระบบเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนแปลงจากการทำไร่หมุนเวียน มาเป็นการปลูกพืชเขตหนาวที่สร้างอาชีพบนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการส่งเสริมพัฒนาชุมชนคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน 


วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ททท. ร่วมกับบริษัท ฟายด์ โฟล์ค จำกัด จับมือพันธมิตร จัดงาน Tha Tien Fest : ท่าเตียนเฟส ภายใต้แนวคิด “คิดถึง สืบสาน เสน่ห์”

ททท. ร่วมกับบริษัท ฟายด์ โฟล์ค จำกัด จับมือพันธมิตร 

จัดงาน Tha Tien Fest : ท่าเตียนเฟส ภายใต้แนวคิด “คิดถึง สืบสาน เสน่ห์”

       นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "Tha Tien Fest: ท่าเตียนเฟส" ภายใต้ แนวคิด “คิดถึง สืบสาน เสน่ห์” พร้อมเยี่ยมชมบูธจัดแสดงวัฒนธรรมด้านอาหารและสินค้าชุมชน รวมไปถึงการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากขยะในแหล่งท่องเที่ยว ณ ลานอัฒจันทร์กลางแจ้ง มิวเซียมสยาม และชุมชนท่าเตียน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566


        นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า ในปี 2566 ททท. ได้ดำเนินการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่สอดคล้องกับโมเดล BCG โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่ามีความหมาย (Meaningful Travel) และมุ่งสู่ความยั่งยืนให้กับนักท่องเที่ยวมากขึ้น พร้อมนำนโยบายวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ Soft Power ในเรื่องของ Food อาหารท้องถิ่น และ Festival การจัดงานเทศกาล มาผนวกรวมกัน โดยจับมือกับพันธมิตร อาทิ Greatter Good Trawell WISHULADA GoGreen booking และ Muvmi ร่วมค้นหาสืบสานอัตลักษณ์ชุมชนท่าเตียน ผ่านการกระบวนการพัฒนาสร้างตราสินค้าในแหล่งท่องเที่ยว (Destination Branding) และจัดกิจกรรม Showcase ภายใต้งาน Tha Tien Fest : ท่าเตียนเฟส เพื่อเป็นต้นแบบในการสืบค้นอัตลักษณ์ และหาความเห็นไปได้ในการสนับสนุนธุรกิจด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เชื่อมโยงสู่การพัฒนาบริบทพื้นที่ต้นแบบสู่แหล่งท่องเที่ยว พร้อมสร้างความตระหนักด้านการสร้างตราสินค้าแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย สร้างและรักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมของแหล่งท่องเที่ยวให้คงอยู่


        โครงการจึงได้เลือกชุนชนท่าเตียนเป็นพื้นที่ในการศึกษาและจัดงาน ซึ่งเป็นชุมชนที่มีอัตลักษณ์ทางภูมิทัศน์ วัฒนธรรม โดดเด่นทางสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล ประกอบกับพื้นที่เป็นย่านชุมชนเมืองเก่าแก่ในเขตพระนคร ใกล้กับแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญ เช่น พระบรมมหาราชวัง วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จึงเป็นโอกาสสำคัญในการศึกษาพัฒนาให้มีความโดดเด่นทางการสื่อสาร เพื่อนำมาส่งเสริมและต่อยอดทางการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เดินทางมาเยี่ยมชมและสัมผัสประสบการณ์ นำเสนอผ่าน 3 แนวคิดสำคัญ ด้วยคำว่า "คิดถึง สืบสาน และเสน่ห์" ประกอบด้วย "คิดถึง" หมายถึงการสะท้อนวัฒนธรรมและชีวิตดั้งเดิมที่หาได้ยาก ชวนให้คิดถึงวันวานของย่านเศรษฐกิจเก่าแก่ "สืบสาน" หมายถึงความงดงามของวัฒนธรรม วิถีชีวิต การสืบสานเรื่องเล่าที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น และ "เสน่ห์" หมายถึงความผสมผสานที่แตกต่างด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว สามารถสะท้อนถึงเสน่ห์กลิ่นอายความเป็นไทย จีน ญวน มอญ และตะวันตก ซึ่งจากแนวคิดดังกล่าวจึงถูกหล่อหลอมเป็นความหลากหลายที่ลงตัว ด้วยการผสมผสานของพหุวัฒนธรรม แลกเปลี่ยนแนวคิด ค่านิยม และศิลปะที่มีอยู่ ในทุกจุดของย่านชุมชนท่าเตียน


        โดยผู้เข้ามาร่วมงานจะได้สัมผัสกับประสบการณ์อย่างใกล้ชิด ด้วยกิจกรรม Tha Tien Fest Grand Opening Event เปิดตัวตราสินค้าในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนท่าเตียน และ Tha Tien Exhibition ผ่านการนำเสนอเรื่องราวชุมชนด้วยการเล่าเรื่องผ่านรูปภาพ บูธจัดแสดงวัฒธรรมด้านอาหารและสินค้าของชุมชน      Tha Tien Fest - Food & Shop จำนวนมากกว่า 20 ร้านค้า ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จากการศึกษา Brand Identity อัตลักษณ์ของชุมชนอย่างแท้จริง ซึ่งได้มีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ผ่านทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง


          นอกจากนี้ ภายในงานมุ่งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ โดยออกแบบและสร้างสรรค์เส้นทางการท่องเที่ยว Low Carbon Walking Route จำนวน 3 เส้นทาง คือ Cultural walking route, Foodie walking route และ Mutelu walking route

พร้อมกันนี้ได้สร้างสรรค์และจัดแสดงผลงานศิลปะจากขยะในแหล่งท่องเที่ยว (Trash Art Installation) ภายใต้แนวคิด Tha Tien Royal Tile Cladding Bench Installation Art หรือ กาบกระเบื้องแห่งรากฐานท่าเตียน ซึ่งถือเป็นจุดไฮไลท์สำคัญภายในงาน โดยสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากวัสดุรีไซเคิลที่มาจากขยะในชุมชนโดยแบรนด์ WISHULADA ศิลปินผู้เปลี่ยนขยะเป็นงานศิลป์ เพื่อเป็นการสื่อสารสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับ     การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวอันทรงคุณค่าและมีความหมาย ในการร่วมกันขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ นำไปสู่ความยั่งยืนในทุกมิติของการพัฒนา


       ทั้งนี้ ททท. คาดว่า การสร้างสรรค์อัตลักษณ์ชุมชนผ่านการสื่อสารตราสินค้าในแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการจัดงาน "Tha Tien Fest : ท่าเตียนเฟส" จะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเกิดการเดินทางท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน และสร้างรายได้หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงของการจัดงานได้เป็นอย่างดี







        ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน Tha Tien Fest : ท่าเตียนเฟส โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2566 เวลา 15.00 - 18.00 น. ณ ลานอัฒจันทร์กลางแจ้ง มิวเซียมสยาม และชุมชนท่าเตียน กรุงเทพมหานคร โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.thatienfest.com และ Facebook Page : ThaTienFest 



"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...