บุตรีของประธานาธิบดีสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย พร้อมด้วยคณะ เข้ายี่ยมชม วังบางขุนพรหม" และพบปะนักธุรกิจ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
บุตรีของประธานาธิบดีสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย พร้อมด้วยคณะ เข้ายี่ยมชม "วังบางขุนพรหม"
และพบปะนักธุรกิจ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย"วังบางขุนพรหม" เป็นวังเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2444 มีเนื้อที่ 33 ไร่ริมเจ้าพระยา จัดว่าเป็นวังที่สวยที่สุดในเมืองไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้สร้างวังบางขุนพรหม เพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระโอรสลำดับที่ 33 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าและพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี อัครราชเทวี รูปแบบสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากยุคบาโรก(สถาปัตยกรรมตะวันตก ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในอิตาลีจะเน้นเรื่องแสง สี เงา และคุณค่าประติมากรรม) และยุคโรโกโก(ศิลปะรูปแบบนี้พัฒนามาจากศิลปะฝรั่งเศส ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ไม่ว่าผนัง เครื่องเรือน หรือเครื่องประดับ จะออกแบบให้กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน) หน้าบันและผนังภายนอกอาคาร จึงมีลักษณะเป็นเส้นโค้งเว้าเข้า และนูนต่อเนื่องกัน และองค์ประกอบในการตกแต่งห้องต่างๆ มีความคล้ายคลึงกัน ใช้ปูนปั้นเป็นเส้นนูนตามกรอบประตูและช่องแสง ที่โดดเด่นที่สุดคือบานประตูไม้แกะลายเส้นบนกึ่งกลางของลูกฟักไม้ ช่องแสงเหนือประตูปิดด้วยแผ่นไม้ฉลุลาย และฝ้าเพดานตกแต่งด้วยแผ่นไม้ฉลุลาย เน้นลวดลายด้วยการเขียนสีทอง พื้นภายในห้องต่างๆ เป็นพื้นไม้สักปูเข้าลิ้นขัดมัน
ภายในวังบางขุนพรหมมี "ห้องสีชมพู" เป็นห้องที่สวยที่สุดของวังบางขุนพรหม ในอดีตเคยเป็นท้องพระโรงหลักสำหรับต้อนรับแขกสำคัญ ตลอดจนใช้ในการทำบุญเลี้ยงพระและพิธีการต่างๆ ปัจจุบันห้องสีชมพูเป็นห้องที่ใช้จัดแสดงพระบรมรูปเขียนสีน้ำมัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นภาพประธาน "ห้องบริพัตร" เป็นห้องรับรองแขกและตั้งเครื่องลายคราม ปัจจุบันจัดแสดงพระประวัติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต รวมทั้งวัตถุที่เกี่ยวเนื่องในพระองค์ เช่น สิ่งของที่ระลึก พัดรองงานขึ้นตำหนักใหญ่วังบางขุนพรหม ไม้เท้าทรง โน้ตเพลงลายพระหัตถ์ ฯลฯ "กระโจมแตร" ศาลาแห่งเสียงดนตรี อยู่ระหว่างตำหนักใหญ่และตำหนักสมเด็จ มีรูปทรงเป็นศาลาวงกลม ก่อด้วยอิฐและมีลวดลายปูนปั้นที่งดงามอ่อนช้อย ขอบหลังคาประดับปูนปั้นรูปหัวสิงห์ หลังคาข้างบนเป็นทรงโดมซ้อนกันสองชั้นคล้ายกับผลมะยมผ่าครึ่ง วางครอบบนผนังรับน้ำหนักที่ออกแบบเป็นช่องเปิดรับลม ทำให้เมื่อยืนอยู่กลางศาลาจะมีเสียงสะท้อนมาอย่างชัดเจน จึงใช้เป็นสถานที่ซ้อมดนตรี เนื่องจากผู้ซ้อมดนตรีจะได้ยินเสียงดนตรีอย่างชัดเจน ส่วนคนฟังได้รับฟังความไพเราะจากเสียงสะท้อนก้องกังวานรอบทิศทาง หน้าบันและผนังภายนอกอาคาร จึงมีลักษณะเป็นเส้นโค้งเว้าเข้า และนูนต่อเนื่องกัน และองค์ประกอบในการตกแต่งห้องต่างๆ มีความคล้ายคลึงกัน ใช้ปูนปั้นเป็นเส้นนูนตามกรอบประตูและช่องแสง
หลังจากชมความสวยงามของวังบางขุนพรหมแล้ว ก็เดินทางไปสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI ) ชั้น 8 อาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ ถนนนางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ (มทรก.) เขตสาทร กรุงเทพมหานคร เพื่อพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเจรจา ทางด้านการค้าขายระหว่างไทยแลดะไนจีเรีย โดยมีนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เป็นประธานในการพูดคุยในครั้งนี้ พร้อมด้วยผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ Mr. Chartchai Panichewa Vice Chairman, FTI Chairman, Trade and Investment Affairs, Mr. Yanapol Limpanachockchai Deputy Secretary General Chairman, Thailand - South Africa Business Council, Mr. Supoj Chaiwilai Committee, Textile Industry Club Committee, Small & Medium Industrial Institute (SMI), Mr. Pongdej Sriwachirapradit Committee, FTI President of Toptech Solution Co.,Ltd., Mr. Jarudech Kunadilok Chairman, Medical Device Manufacturers Industry Club (MeDIC), Ms. Jaruneeh Hor-Sirimanont Acting - Director, Trade and Investment Department, Ms. Kanittha Sopakdee Supervisor, Trade and Investment Department By: Trade and Investment Department
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น